
ต้อนพ่อค้าขึ้นทะเบียนแก้เกินราคา...
พาณิชย์ขึ้นทะเบียนพ่อค้าคนกลางสินค้าเกษตร 3 รายการ สั่งแจ้งราคา ปริมาณและสถานที่เก็บ บังคับใช้ต้น ส.ค.นี้
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการดำเนินการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการค้าสินค้าเกษตร 3 รายการทั่วประเทศ คือ มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกร ทั้งผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลานมันสำปะหลัง และลานเทปาล์มน้ำมัน ที่ปัจจุบันมีอยู่รวมกันหลายพันรายทั่วประเทศ โดยการกำหนดให้ขึ้นทะเบียนดังกล่าว จะออก เป็นประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) คาดว่าจะออกประกาศได้เดือน ส.ค.นี้และมีผลบังคับใช้ ทันที
ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนดังกล่าว จะกำหนดให้ผู้ประกอบการค้าสินค้าเกษตรทั้ง 3 รายการ ต้องแจ้งชื่อ ที่อยู่ สถานที่เก็บสินค้า ปริมาณที่เก็บ ราคารับซื้อ ผู้รับซื้อสินค้าเกษตร ฯลฯ เพื่อให้สามารถกำกับดูแลราคาสินค้าเกษตรกรได้ทั้งระบบจากปัจจุบันจะกำกับดูแลได้เฉพาะราคาต้นทางและปลายทางเท่านั้น
"ที่ผ่านมากรมจะรู้แค่ราคาที่เกษตรกรขายได้ และราคารับซื้อหน้าโรงงานเท่านั้น แต่ไม่รู้ราคาตรงกลางที่พ่อค้าคนกลาง รับซื้อจากเกษตรกรแล้วไปส่งต่อให้โรงงานว่าเท่าไหร่ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่กระทรวงขอความร่วมมือให้โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ กก.ละ 8 บาท แต่ทำไมเกษตรกรบางรายขายให้พ่อค้าคนกลางแค่ กก.ละ 3 บาท ราคาตรงท่อนกลางหายไปไหน ถ้ากำหนดให้ต้องแจ้งราคารับซื้อด้วยแล้วจะทำให้ทราบว่าผู้ค้ารับซื้อเท่าไร หากราคาไม่เป็นธรรม หรือต่ำเกินไปจนเกิดสถานการณ์ราคาปั่นป่วน ก็มีมาตรการดำเนินการกับผู้ค้ารายนั้น" นางนันทวัลย์ กล่าว
นางนันทวัลย์ กล่าวว่า หาก ผู้ประกอบการค้ารายใดไม่มาขึ้นทะเบียนกับกรมจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและ บริการ พ.ศ. 2542 โดยมีโทษปรับ ไม่เกิน 2 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากแจ้งขึ้นทะเบียนช้าจะมีโทษเป็นรายวัน วันละ 2,000 บาท
สำหรับมาตรการกำหนดสัดส่วนให้ผู้นำเข้าข้าวสาลีต้องซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศในอัตรา 1:3 ที่ใช้มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อดูแลราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไม่ให้ตกต่ำจากการนำเข้าข้าวสาลีนั้น ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลังศึกษาการปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีโดยให้ศึกษาว่าจะปรับขึ้นอัตราเท่าไรจึงจะเหมาะสม โดยมองว่าการขึ้นภาษีนำเข้าจะบริหารจัดการการนำเข้าได้ง่ายกว่าและผู้ส่งออกสินค้าปศุสัตว์ ก็สามารถขอคืนภาษีได้ด้วย" นางนันทวัลย์ กล่าว
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 20 กรกฎาคม 2560
“พาณิชย์” เตรียมออกประกาศ กกร. กำหนดให้พ่อค้าที่ซื้อข้าวโพด มัน ปาล์ม ต้องขึ้นทะเบียน
กรมการค้าภายในเตรียมเสนอ กกร.ออกประกาศให้พ่อค้าที่รับซื้อข้าวโพด มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ต้องขึ้นทะเบียน พร้อมให้แจ้งที่อยู่ ราคารับซื้อ สถานที่เก็บ และผู้ที่รับซื้อต่อ เพื่อดูแลราคาสินค้าเกษตร ป้องกันไม่ให้เกษตรกรโดนเอาเปรียบ ส่วนการแก้ปัญหามันสำปะหลังราคาตกต่ำ เตรียมใช้ “มหาสารคามโมเดล” ดึงผู้เลี้ยงโคนมโคเนื้อรับซื้อมันเส้นจากเกษตรกร
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ จะเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณาออกประกาศ กกร. กำหนดให้ผู้ประกอบการที่รับซื้อสินค้าเกษตร ทั้งข้าวโพด มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมฯ และให้แจ้งสถานที่อยู่ ราคารับซื้อ ปริมาณที่รับซื้อ สถานที่เก็บ และให้แจ้งผลผลิตที่รับซื้อนำไปขายต่อให้ใคร เพื่อที่จะได้ติดตามดูแลราคาสินค้าเกษตรทั้ง 3 รายการได้ครบวงจร และป้องกันไม่ให้เกษตรกรโดนเอารัดเอาเปรียบ คาดว่าจะออกประกาศได้ภายในต้นเดือน ส.ค. 2560 และมีผลบังคับใช้ทันที
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการซื้อสินค้าเกษตรไม่มาขึ้นทะเบียน จะมีโทษทั้งปรับและจำคุกตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับเป็นรายวันอีกวันละ 2,000 บาท
นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับการดูแลราคามันสำปะหลังช่วงปลายฤดูที่ยังมีผลผลิตตกค้างนั้น กรมฯ จะผลักดันให้มีการนำ “มหาสารคามโมเดล” ซึ่งเป็นรูปแบบที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังกับกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมและโคเนื้อ ได้ทำการเชื่อมโยงรับซื้อมันเส้นเพื่อนำมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ มาใช้กับเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่อื่นๆ โดยขณะนี้ได้ประสานไปยังองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ว่ามีแหล่งเลี้ยงวัวที่ไหน ก็จะทำการเชื่อมโยงให้มีการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบต่อไป ซึ่งจะทำให้ผู้ปลูกมันสำปะหลังมีที่ขายผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
ส่วนมาตรการดูแลราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้กำหนดให้ผู้นำเข้าข้าวสาลีต้องซื้อข้าวโพดในอัตรา 1 ต่อ 3 ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ได้พิจารณาว่าจะใช้มาตรการนี้ต่อหรือไม่ หรือจะใช้วิธีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีแทน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา โดยส่วนตัวมองว่าการขึ้นภาษีจะทำให้บริหารจัดการได้ง่ายกว่า เพราะผู้ส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่ใช้อาหารสัตว์จากข้าวสาลีนำเข้าสามารถขอคืนภาษีได้
ที่มา : MGR Online 19 ก.ค. 2560
พาณิชย์ แจง TOR ประมูลมันสำปะหลังในสต็อกรัฐล็อตสุดท้าย ปริมาณ 3.7 พันตัน กำหนดยื่นซองราคา 21 ก.ค.นี้...
นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในสต็อกของรัฐบาล
เปิดเผยว่า ตามที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) เห็นชอบให้ดำเนินการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในสต็อกของรัฐบาลตามแนวทางที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดประมูลล็อตสุดท้าย ซึ่งผลิตภัณฑ์ฯ ที่จะประมูลดังกล่าวได้เก็บมานานแล้ว คุณภาพได้เสื่อมตามระยะเวลาการเก็บรักษา จึงเห็นควรระบายเพื่อลดภาระการจัดเก็บรักษา จึงได้กำหนดให้มีการชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเปิดประมูลผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในสต็อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไปและเข้าสู่อุตสาหกรรม ซึ่งมีหลักการคล้ายกับเงื่อนไขการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลที่ผ่านมา
โดยปริมาณที่จะระบายครั้งนี้เป็นมันสำปะหลังเส้น เพื่อการจำหน่ายเป็นการทั่วไป 3,449.620 ตัน และเพื่อการจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรม ปริมาณ 263.374 ตัน ซึ่งเปิดกว้างให้บุคคลทั่วไป นิติบุคคล รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันเกษตรกรที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้ามันสำปะหลังหรือผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหรือสินค้าเกษตรสามารถยื่นเสนอซื้อได้ ทั้งนี้กรณีการจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรม ผู้เสนอซื้อจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์และประเภทของอุตสาหกรรมที่จะนำไปใช้ และรับรองว่าจะไม่นำไปเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าปกติเพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ทุกรูปแบบ รวมถึงไม่นำไปปรับปรุงสภาพเพื่อการส่งออก หรือทางอื่นใดนอกเหนือจากที่ได้แจ้งไว้
สำหรับการระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมจะมีกลไกในการควบคุมผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไม่ให้เข้าไปสู่ระบบการตลาดและการค้าปกติ โดยผู้ซื้อจะต้องรายงานผลการดำเนินการพร้อมเอกสารหลักฐานแก่ อคส. ซึ่ง อคส.จะเป็นผู้กำกับดูแลตั้งแต่การรับมอบ กระบวนการขนส่ง การเคลื่อนย้ายและการนำไปใช้ทุกขั้นตอน
นายกีรติ รัชโน กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถยื่นซองเอกสารคุณสมบัติผู้เสนอซื้อในวันที่ 19 ก.ค.60 เวลา 08.30-11.00 น. โดยผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถยื่นซองเสนอซื้อได้ในวันที่ 21 ก.ค.60 ตั้งแต่เวลา 09.00-10.30 น. ณ อาคารสำนักงานมาตรฐานสินค้า กรมการค้าต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถเข้าดูสภาพมันสำปะหลังเส้นในคลังได้จนถึงวันที่ 18 ก.ค.60 เวลา 09.00-16.00 น.
ที่มา : : อาร์วานทีไนน์ 14 ก.ค. 60
พาณิชย์ เร่งสร้างมูลค่ามันสำปะหลัง ยกระดับเป็นอาหารแปรรูป
พาณิชย์ ย้ำรัฐบาลมีมาตรการดูแลราคามันสำปะหลังปี 60/61 ไว้แล้ว เตรียมหนุนเครื่องสับมัน ผลักดันทำมันเส้นสะอาดป้อนตลาด พร้อมส่งเสริมให้แปรรูปเป็นสินค้าอาหาร ทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรชะลอขุดมันช่วงนี้ เหตุฝนตก แนะรอขายหลังหน้าฝน
สำหรับกระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมแผนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมันสำปะหลัง โดยจะผลักดันให้เกษตรกรทำมันเส้นคุณภาพดี มันเส้นสะอาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างโอกาสทางการค้าและพัฒนาผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง โดยจะนำไปเจรจาเปิดตลาดในต่างประเทศ พร้อมเตรียมมาตรการดูแลการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าจนกระทบต่อราคาในประเทศ
อีกทั้งมาตรการอื่นๆ เช่น จะสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้กับสถาบันเกษตรกร และเกษตรกร เพื่อให้นำไปใช้แปรรูปหัวมันสดเป็นมันเส้น และจำหน่ายให้กับอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มรายได้ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการแปรรูปมันสำปะหลังในรูปอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อให้นำมันสำปะหลังไปเป็นวัตถุดิบ และสร้างสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดด้วย
นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำ ที่เกษตรกรร้องเรียนอยู่ในขณะนี้ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ที่มีการเพาะปลูก ทำความเข้าใจกับเกษตรกร ในการชะลอขุดหัวมันสำปะหลังขึ้นมาขาย เพราะขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน ลานปิด เพราะไม่สามารถตากมันเส้นได้ และโรงแป้งส่วนใหญ่ก็ปิด เพราะผลผลิตมันยังมีน้อย และคุณภาพไม่ดี เนื่องจากเชื้อแป้งต่ำ หากเกษตรกรชะลอการขุดมันและรอให้พ้นฤดูฝนไปก่อน จะทำให้จำหน่ายได้ราคาดีขึ้น โดยมันสำปะหลังที่เชื้อแป้งตามมาตรฐาน 25% กิโลกรัม (กก.) ละ 1.75 บาท แต่ถ้าเป็นมันคละ (ไม่วัดเชื้อแป้ง) กก.ละ 1.13 บาท
“กระทรวงฯ เข้าใจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร ที่บางรายจำเป็นต้องขุดมันออกมาขาย เพราะต้องการนำเงินไปใช้จ่าย กระทรวงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ช่วยเหลือในทันที โดยได้ประสานลานมัน และโรงแป้งให้ช่วยรับซื้อ ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในเบื้องต้นได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ชะลอการขุดมันออกไปก่อน เพื่อรอเวลาให้เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เกษตรกรขายได้ราคาดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันผลผลิตมันสำปะหลังฤดูกาลผลิตปี 59/60 ได้ออกสู่ตลาดเกือบหมดแล้ว คาดว่ามีผลผลิตตกค้างไม่เกิน 5% โดยเกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น และร้อยเอ็ด ที่มีการขุดมันออกมาจำหน่าย ส่วนแหล่งปลูกมันที่สำคัญคือ กำแพงเพชร นครราชสีมา ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ ยังไม่ได้ขุดมันออกมาจำหน่ายในช่วงนี้.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ 12 ก.ค. 60
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ 12 ก.ค. 2560
ประกาศคณะทำงานระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในสต็อกของรัฐบาล เรื่อง การจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในสต็อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2560
วัน เวลา และสถานที่ยื่นซอง
- ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ วันที่ 19 กรกฎาคม 2560 เวลา 08.30 ถึง 11.00 น.
- ประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 เวลา 09.00 น. (ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนล่วงหน้าได้ทางเว็บไซต์ www.dft.go.th)
- ยื่นซองเสนอซื้อ วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 09.00 ถึง 10.30 น.
- การเปิดซองเสนอซื้อ วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป
สถานที่ ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ, ยื่นซองเสนอซื้อ, การเปิดซองเสนอซื้อ
ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารกองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ (จังหวัดนนทบุรี)
การรับฟังคำชี้แจง/ขอรายละเอียดเพิ่มเติม
วันที่ 14 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 701 ชั้น 7 อาคารกรมการค้าต่างประเทศ (จังหวัดนนทบุรี) ผู้สนใจสามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป กรมการค้าต่างประเทศ ชั้น 10 โทรศัพท์ 0-2547-5123 หรือ สายด่วน 1385
ที่มา : กรมการค้าต่างประเทศ