
เปิดฉากจี้รัฐบาล ประมูลมันเส้นแทนขายจีทูจี
วงการมันสำปะหลังสร้างประวัติศาสตร์ ได้ "สุรีย์ ยอดประจง" เป็นนายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทยคนใหม่ เป็นผู้หญิงคนแรกในรอบ 50 ปี รับไม้ต่อจาก"เสรี เด่นวรลักษณ์"ที่หมดวาระ เมื่อกลางเดือนเมษายน 2556 ที่ผ่านมา
"ฐานเศรษฐกิจ " ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษสุรีย์ ถึงภารกิจเร่งด่วน ตลอดจนมุมมองทิศทางสถานการณ์การผลิตและส่งออกมันสำปะหลังในปี 2556 ที่ต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ
++ 2 ภารกิจเร่งด่วน
หลังจากรับตำแหน่งแล้วมีภารกิจที่ต้องติดตามอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ เรื่องแรกโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2555/56 ของรัฐบาล ที่เพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2556 ที่ผู้ประกอบการรับจ้างรัฐบาลแปรสภาพมันเข้าเก็บในคลัง และขณะนี้อยู่ในช่วงการขนย้าย ทั้งมันเส้นและแป้งมันซึ่งก็ยังมีปัญหาอยู่ เพราะคลังในโครงการรับจำนำมีไม่เพียงพอ ซึ่งเงื่อนไขของรัฐบาลจะต้องเป็นคลังที่มีความจุไม่ต่ำกว่า 2 พันตัน
ดังนั้นทาง 4 สมาคมที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ได้ขอให้รัฐบาลอนุมัติคลังเพิ่มขึ้น ล่าสุดได้รับอนุมัติทุกขนาด แต่มีผู้ประกอบการบางรายที่ยังมีปัญหา ดังนั้นหากยังไม่เรียบร้อยเราจะทำหนังสือแจ้งเฉพาะรายที่มีปัญหาเข้าไปก่อน จากการประเมินคร่าวๆ มีปริมาณมันที่ยังไม่สามารถส่งเข้าคลังได้ประมาณ 5 แสนตัน
ส่วนเรื่องที่ 2 อยากให้รัฐบาลเปิดประมูลมันเส้นแทนการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี เพราะปัจจุบันมันสำปะหลังในตลาดขาดแคลนมาก จากการที่รัฐบาลเปิดโครงการรับจำนำมา 2 ปีติดต่อกัน ซึ่งจากการประเมินโครงการแทรกแซงหรือรับจำนำมันสำปะหลังปี 2554/55 ในส่วนของมันเส้นคาดว่าจะมีปริมาณ 2.4 ล้านตัน แป้งมันจำนวน 5.6 แสนตัน ล่าสุดคาดจะเหลือมันเส้นในคลัง จำนวน 6 แสนตันจากที่ระบายไปแล้ว ส่วนแป้งมันไม่ทราบปริมาณที่แน่นอน
ขณะที่โครงการรับจำนำมันสำปะหลังในปี 2555/56 คาดจะมีผลผลิตมันเส้น 2.25 ล้านตัน และแป้งมัน จำนวน 6 แสนตัน ทางสมาคมกำลังทำเรื่องขอเข้าพบคุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคุณวัชรี วิมุกตายนปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอให้เปิดประมูลมันในสต๊อกขายให้กับภาคเอกชนในเร็วๆ นี้
"ในปีที่ผ่านมารัฐบาลได้นำมันเส้นในสต๊อกไปขายแบบจีทูจี ในราคามิตรภาพได้ราคาต่ำ เพราะรัฐบาลไม่ใช่พ่อค้า ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเอกชนดีกว่า ไม่ควรทำธุรกิจแข่ง ซึ่งหากรัฐบาลนำสินค้าเหล่านี้ไปเปิดตลาดใหม่ เราจะไม่เกิดความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งมีกำไรยิ่งดี แต่ที่ผ่านมารัฐบาลขายให้กับตลาดที่เป็นตลาดเดียวกับผู้ส่งออก"
++++เสนอจ้างผลิตอัดมันเม็ด
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2556 บริษัท Xiamen C&D Inc. รัฐวิสาหกิจจีน ได้นำคณะผู้แทนโรงงานผลิตอาหารสัตว์จีนเยือนประเทศไทยกว่า 10 บริษัท เพื่อศึกษาดูงานการใช้มันสำปะหลังอัดเม็ด ในการพัฒนาปศุสัตว์และผลิตอาหารสัตว์ในประเทศจีนที่บริษัทหนึ่งมีกำลังผลิตอาหารสัตว์ ถึง 16 ล้านตัน เท่ากับกำลังการผลิตโรงงานอาหารสัตว์ในประเทศไทยรวมกัน และได้เข้าพบคุณทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องข้าวและมันสำปะหลัง เพื่อขอซื้อมันเม็ดจากรัฐบาลไทย ซึ่งถ้าออกมาในรูปแบบนี้ในส่วนของผู้ประกอบการเห็นด้วย เพราะอย่างน้อยจะต้องจ้างเอกชนแปรรูปเป็นมันอัดเม็ด
สำหรับกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย ณ ปัจจุบันของ 4 สมาคม แยกเป็นโรงแป้งทั่วประเทศ 100 กว่าโรง โรงมันเส้นกว่า 500 โรง ทำให้วัตถุดิบมันสำปะหลังในประเทศไม่เพียงพอในการแปรรูปส่งออก จำเป็นต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ปัจจุบันสามารถนำเข้าได้เฉพาะมันสับมือเท่านั้น เพราะรัฐบาลไทยกลัวจะมีมันเส้นจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำ ยิ่งทำให้ผู้ส่งออกไทยลำบาก ทั้งต้นทุนสูงจากโครงการรับจำนำ ครั้นจะนำเข้ามาส่งออก รัฐบาลก็ตั้งป้อมกำแพงอีก
"ราคาต้นทุนหัวมันสำปะหลังไทย จากการประเมินของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กิโลกรัมละ 2 บาท ราคารับจำนำมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% กิโลกรัมละ 2.50 บาท และปรับเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.05 บาท จนสิ้นสุดโครงการในเดือน มีนาคม 2556 ราคาขายเอฟโอบี มันเส้นไทย อยู่ที่ 245 ตันดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตลาดจีนรับซื้อได้ที่ 230 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนหัวมันสับหากส่งออกจากราคาขายอยู่ 250 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เวียดนามที่เข้าไปตั้งโต๊ะรับซื้อหัวมันสับในกัมพูชาไปขายราคาเอฟโอบี ตันละ 238 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ซึ่งจากเชื้อแป้งที่สูงกว่าไทยควรจะขายราคาสูงกว่าสินค้าไทย แต่ก็มาดัมพ์ราคา"
++ส่งออกสาหัส หั่นเป้าลง
ในปีนี้ผู้ส่งออกจะต้องเผชิญอุปสรรคหลายด้าน ทั้งเงินบาทแข็งค่ากระทบความสามารถในการแข่งขัน สภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่กระเตื้อง และปัจจัยผู้นำเข้า ประเทศจีน รายใหญ่ นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ ยิ่งทำให้ความต้องการมันเส้นลดลงไป เพราะนโยบายของรัฐบาลใหม่จีนในเรื่องการรับรองผู้มาเยือนจะไม่มีการให้ของขวัญ และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ดังนั้นจึงประเมินว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในปี 2556 จะอยู่ที่ประมาณ 7.9 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 0.43% มูลค่า 8.4 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.62% โดยแบ่งเป็นมันเส้น/มันอัดเม็ด คาดว่าจะส่งออกปริมาณ 4.8 ล้านตัน มูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าปีนี้จะลดทั้งปริมาณและมูลค่าโดยเฉลี่ย 1% ส่วนแป้งดิบ คาดว่าจะส่งออก 2.25 ล้านตัน มูลค่า 3.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มปริมาณและมูลค่าโดยเฉลี่ยไม่ถึง 2% ส่วนแป้งแปรรูป คาดว่าจะส่งออกได้ 8.5 แสนตัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่ส่งออกได้ 8.4 แสนตัน เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.49%
สอดคล้องกับผลผลิตที่คณะสำรวจประกอบด้วย 4 สมาคม รวมทั้งหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ได้สำรวจ 49 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ที่เป็นแหล่งปลูกมันสำปะหลังหลักได้ข้อสรุปว่า ฤดูการผลิตในปี 2555/56 คาดว่าจะมีพื้นที่เก็บเกี่ยวรวมทั้งสิ้น 7.905 ล้านไร่ ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ประมาณ 3.485 ตัน และผลผลิตรวมประมาณ 27.547 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบปริมาณผลผลิตในปี 2554/55 ซึ่งมีพื้นที่เก็บเกี่ยว 7.911 ล้านไร่ ผลผลิตเฉลี่ย ต่อไร่ 3.362 ตัน และผลผลิตรวม 26.601 ล้านตัน พื้นที่เก็บเกี่ยวลดลง 0.08 % ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้น 3.66 % และผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 3.56 %
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,842 วันที่ 9-11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556