
สั่งอคส.แจ้งความโรงแป้ง-ลานมัน 16 แห่ง หลังตรวจสอบพบมันหาย 10%
วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์
สั่งอคส.แจ้งความโรงแป้ง-ลานมัน 16 แห่ง หลังตรวจสอบพบมันหาย 10% ขู่ขึ้นแบล็กลิสต์หากพบทุจริตจริง ระบุไม่ขยายเวลารับจำนำเพราะราคาตลาดน่าพอใจ
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย หลังลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการรับจำนำมันสำปะหลังประจำ ปี2555/56 เมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่ามีลานมันและโรงแป้งที่เข้าร่วมโครงการรวม 16 แห่ง มีปริมาณมันสำปะหลังไม่ครบตามจำนวนรับจำนำที่แจ้งไว้ โดยต่ำกว่าที่แจ้งถึง 10% ซึ่งมีแนวโน้มเกิดการทุจริตขึ้น จึงได้ทำหนังสือไปยังองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อให้แจ้งความดำเนินคดีต่อไป และหากผลการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีการทุจริตจริงก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการรับจำนำอีกหากมีโครงการในครั้งต่อไป
สำหรับการรับจำนำมันสำปะหลังประจำปี 2555/56 นั้น มีโรงแป้งที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 55 ราย ลานมันจำนวน 602 ราย จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ปัจจุบันมีมันสำปะหลังเข้าร่วมโครงการประมาณ 8.57 ล้านตัน เงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จ่ายให้เกษตรกรไปแล้วจำนวน 16.93 ล้านบาท คาดเมื่อสิ้นสุดโครงการจะมีมันเข้าโครงการปริมาณกว่า 10 ล้านตัน
ส่วนกรณีที่ทางเกษตรกรต้องการให้ขยายเวลาการรับจำนำออกไปอีกนั้น คงจะไม่ขยายเวลาอีก เพราะถือว่าขณะนี้ราคามันสำปะหลังในตลาดมีราคาที่ดีกว่าราคาจำนำที่ 2.70 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับเปอร์เซ็นต์แป้งที่ 25% โดยขณะนี้บางพื้นที่เริ่มปิดรับจำนำแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่อีสานตอนบน
“ราคาหัวมันสดในตลาดเวลานี้เฉลี่ยที่ 2.70 บาทต่อกิโลกรัม มันเส้นกิโลกรัมละ 7 บาท และแป้งมันกิโลกรัมละ 12 บาท สาเหตุที่มันราคาดีในขณะนี้ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากผลผลิตที่ลดต่ำลง ความต้องการตลาดทั้งในและต่างประเทศสูง โดยเฉพาะจีน ที่ต้องการซื้อมันสำปะหลังจากไทยค่อนข้างมาก เพราะก่อนหน้านี้ได้นำเข้ามันจากกัมพูชาแต่ได้มันที่คุณภาพต่ำ ชิ้นใหญ่ มีสิ่งปลอมปนมาก ทำให้ไม่เป็นที่น่าพอใจจึงหันมาสั่งนำเข้ามันจากไทย และเมื่อสิ้นสุดโครงการคาดว่ากรมการค้าต่างประเทศ (คต.) จะกำหนดแผนการระบายมันสำปะหลังในโครงการอย่างมีระบบ เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป”
ที่มา : หนังสือพิพม์ฐานเศษฐกิจ วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2013