Company Logo





พยากรณ์อากาศ

รัฐขู่ตรวจสอบภาษี-การใช้แรงงานบีบรง.ร่วมรับจำนำมันฯ



วัชรี วิมุกตายน

โรงงานมันสำปะหลัง เมินเข้าร่วมโครงการรับจำนำมันฯ อ้างผลตอบแทนต่ำ ส่งผลให้ที่ประชุม
คชก.ขู่ถ้าไม่ร่วมจะให้ กรมสรรพกร-หน่วยงานสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง กระทรวงแรงงาน ตรวจสอบ

                นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงการเตรียมพร้อมในโครงการรับจำนำมันสำปะหลังปี 2555/56 โดยได้พิจารณาถึงอัตราค่าตอบแทนการแปรสภาพตามที่ทางสมาคมโรงงานผู้ผลิตมัน สำปะหลัง ร้องขอมา

             โดยสมาคมโรงงานฯเสนอให้ปรับขึ้นจากที่เคยได้รับในการรับจำนำในปีที่ผ่านมา แต่ตัวแทนจาก กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ยืนยันว่า ปัจจุบันเกษตรกรสามารรถผลิตมันได้คุณภาพมากขึ้น สิ่งปลอมปนน้อยลง โดยที่ประชุมเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลที่ต้องปรับขึ้นตามที่ร้องมา โดยให้ยึดตามอัตราเดิมที่เคยจ่าย คือจากหัวมันเป็นมันเส้น ที่ 380 บาทต่อตัน และจากจากหัวมันเป็นแป้งมัน ที่ 3,320บาท ต่อตัน และหากผู้ประกอบการรายใดไม่ต้องการเข้าร่วมโครงการทาง กระทรวงฯก็จะสั่งการให้ หน่วยงาน เช่น สรรพากร หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบการดำเนินการในสถานประกอบการแต่ละแห่งว่ามีการดำเนิน การอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

             “ไม่ได้เป็นการบีบบังคับให้เอกชนมาร่วมโครงการแต่เห็นว่าโครงการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีทางเลือกมากยิ่งขึ้น” นางวัชรี กล่าว

                ส่วนที่มีการร้องมาจาก สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ให้เพิ่มอัตราค่าเช่าพื้นที่โกดังนั้นทาง คณะกรรมการจะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการฯจะต้องได้ข้อสรุปนร่วมกันก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเห็นชอบให้ดำเนินโครงการต่อไป

              ด้านภมร ศรีประเสริฐ อุปนายกสมาคมผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าสมาชิกของสมาคมกว่า 400 ราย เห็นว่าภาครัฐควรเพิ่มอัตราค่าแปรสภาพมากขึ้นคือจากหัวมันเป็นมันเส้นเป็น 545 บาทต่อตัน และจากหัวมันเป็นแป้งมัน เป็น  3,500 บาทต่อตัน เพราะผู้ประกอบการมีต้นทุนที่สูงขึ้นโดยเฉพาะค่าแรง และเรียกร้องให้พิจารณาราคารับจำนำเริ่มต้น 2.50 บาทและจะเพิ่มแบบขั้นบันใดทุกเดือนๆละ 0.5 สต.เพราะเห็นว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดที่เอกชนรับซื้อมาจากเกษตรกรที่ ประมาณ 2.50-2.75 บาทต่อกก.หากภาครัฐกำหนดราคารับจำนำต่อกว่าราคาซื้อขายจริงในตลาดก็จะทำให้ ผู้นำเข้าอย่างจีนกดราคาผู้ส่งออกไทยเพราะอ้างอิงราคารับจำนำเริ่มต้นของไทย ว่าเป็นราคาที่ต่ำทั้งๆที่พ่อค้าไทยรับซื้อวัตถุดิบสูงกว่าราคารับจำนำ

            รายงานข่าวระบุว่า  จาก การสอบถามพบว่าตัวแทนสมาคมเกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังเห็นชอบร่วมกันว่าหากภาค รัฐไม่ปรับเพิ่มค่าตอบแทนให้ตามที่ร้องขอสมาชิกก็อาจจะไม่เข้าร่วมโครงการ รับจำนำ ซึ่งอาจส่งผลให้เมื่อถึงเวลารับจำนำจริงไม่มีจุดรับจำนำมันให้ เกษตรกร เพราะปีที่แล้วมีเอกชนร่วมเป็นจุดรับจำนำกว่า 600 แห่ง นอกจากนี้หากไม่ปรับอัตราค่าเช่าโกดังให้ตามที่เอกชนร้องขอก็ทำให้เจ้าของ โกดังที่เป็นผู้ประกอบการมันสำปะหลังไม่เข้าร่วมโครงการด้วยเช่นกัน ก็จะทำให้ไม่มีพื้นที่เก็บมันในโครงการ

                 “หน้าที่ หาโกดังเก็บมันเป็นขององค์การคลังสินค้า(อคส.)แต่ทางราชการก็ขอเช่าพื้นที่ของผู้ประกอบการเอกชน เราก็พร้อมจะทำให้ แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เราอย่างเหมาะสมเพราะ มันมีการจัดเก็บที่แตกต่างกับข้าวจะใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้ เพราะเอกชนไม่ได้ต้องการให้มีการับจำนำแต่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก ตลาดรัฐบาลดูแลราคาให้มีเสถียรภาพก็พอ” แหล่งข่าวจากวงการมันสำปะหลัง กล่าว

                สำหรับสถานการณ์ทันสำปะหลังนั้นมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นทุกปี โดยแต่ละปีมีการส่งออกในรูปของมันเส้นที่  4 ล้านตัน มูลค่า 3-40,000 ล้านบาท แป้งมัน 2.5-3  ล้านตัน มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นหากสหรัฐและประเทศอื่นๆประสบปัญหาภัยธรรมชาติ และผลผลิตลดลง ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังจะออกมาในช่วงเดือนพ.ย.-ม.ค. ของทุกปี โดยมติของคชก.เห็นชอบให้รับจำนำ 15 ล้านตันจากผลผลิตที่ออกมาประมาณ 25 ล้านตัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

 






Powered by Allweb Technology.