
ยันขายข้าวรัฐไม่ขาดทุน .“บุญทรง” เอาหัวเป็นประกันเปิดประมูลโปร่งใส
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์
“บุญทรง” ยันระบายข้าวไม่ขาดทุนถึง 5 พันบาทต่อตันแน่ พร้อมเตรียมเผยข้อมูลหลังอนุมัติขายเรียบร้อย ส่วนมันฯ เผยขายยกสต๊อกให้จีน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การเปิดระบายสต๊อกข้าวรัฐบาลที่มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลจะขายขาดทุนจากการ เปิดประมูลข้าวขาว 2.1 แสนตัน จากทั้งหมด 7.5 แสนตัน ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท/ตัน ยืนยันว่าเป็นการคาดการณ์ขาดทุนที่สูงเกินไป และเชื่อว่ารัฐบาลจะขายข้าวได้ในราคาดีและไม่ขาดทุนมากอย่างนั้น ซึ่งมีราคากลางชัดเจน หากต่ำกว่าราคากลาง รัฐบาลก็ไม่อนุมัติขาย
“โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลหลังจากมีการอนุมัติขายทั้งปริมาณและราคา ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าจะมีการหมกเม็ด โดยยืนยันเรื่องความโปร่งใส ดังนั้นเรื่องกระแสข่าวข้าวที่เกิดขึ้นนี้ ตนมองว่าเป็นการพูดเกินความจริงเกินไป” นายบุญทรง กล่าว
นอกจากนี้ สำหรับการระบายสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรัฐบาลที่ได้จากโครงการรับจำนำมัน สำปะหลัง ฤดูกาล 2554/55 ประมาณ 9.5 ล้านตัน จะมีการขายให้กับรัฐบาลจีนแบบยกล็อตในส่วนของมันเส้นร่วม 2.5 ล้านตัน ซึ่งจะได้ข้อสรุปสิ้นเดือน ส.ค.นี้ โดยราคาที่ขายให้กับรัฐบาลจีนเบื้องต้นตกลงที่ประมาณ 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเงินที่ได้จะนำมาหมุนเวียนใช้ในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรฤดูกาลต่อไป
นายเสรี เด่นวรลักษณ์ นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย กล่าวว่า “ราคามันเส้นในตลาดขณะนี้อยู่ที่ 240 เหรียญสหรัฐ/ตัน เมื่อทอนกลับมาในรูปของหัวมันจะอยู่ที่ 2.50 บาท/กก. ซึ่งหากกระทรวงพาณิชย์ขายมันเส้นให้จีนทั้งหมดในราคามิตรภาพ เพราะเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) คาดว่ารัฐบาลก็คงขาดทุนอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลอยากขายมันเส้นให้ได้ราคาดีควรมีการเปิดประมูลให้เอกชนไทยและจีน มาแข่งขันกันเสนอราคามากกว่า ส่วนแป้งมันราคาตลาดขณะนี้อยู่ที่ 430-440 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับการเปิดรับจำนำโครงการมันสำปะหลัง ฤดูกาล 2555/56 โดยเตรียมที่จะรับจำนำหัวมันสดเริ่มต้นที่ 2.50 บาท/กก. และเพิ่มขึ้นเดือนละ 5 สตางค์นั้น มองว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมสอดคล้องกับราคาตลาด และไม่ทำให้ราคาต้นทุนมันสำปะหลังสูงเกินไป”
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า หากรัฐบาลขายมันสำปะหลังราคา 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งมีมันเส้นอยู่ทั้งหมด 2.5 ล้านตัน จะได้เงินประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะขาดทุนประมาณตันละ 40 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากต้นทุนรับจำนำ รวม 2.5 ล้านตันจะขาดทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกที่ตัวเลขขาดทุนอาจมากกว่านี้
นายบุญทรง กล่าวเสริมต่อว่า ระหว่างวันที่ 27 ส.ค.-1 ก.ย.55 จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 44 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยอาเซียนจะมีการหารือถึงความคืบหน้าการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งจะมีการพิจารณาว่าอะไรยังเป็นปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้การเป็น AEC ไม่เป็นไปตามแผน และจะต้องหาทางแก้ไข
ทั้งนี้ อาเซียนจะมีการหารือถึงการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ ขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของอาเซียน การหารือร่วมกับองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกัน และการผลักดันโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง โครงการที่ 2 กับอินโดนีเซีย ลาว และฟิลิปปินส์
ขณะเดียวกัน อาเซียนจะมีการหารือกับประเทศคู่เจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของอาเซียน โดยจะหารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำ FTA อาเซียน+6 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) เพื่อนำไปสู่การประกาศเปิดตัวการเจรจาในการประชุมสุดยอดอาเซียนเดือน พ.ย.นี้ โดยจะเป็นการต่อยอดจาก FTA ระหว่างอาเซียนกับแต่ละประเทศที่มีการเจรจากันอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนประเด็นอื่นๆ จะมีการหารือแนวทางการสรุปการเจรจาเพื่อเปิดเสรีการค้าบริการและการลงทุนกับ อินเดีย และการพิจารณาให้การรับรองเอกสารที่สำคัญ ได้แก่ 1.แผนการดำเนินงานภายใต้ปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการ ลงทุน ปี 2555-2558 FREE 2555-2558 2.แผนงานความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียน-รัสเซีย 3.แผนงานยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ระยะ 10 ปี
ที่มาหนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันที่ 27 สิงหาคม 2555