พาณิชย์ถกเอกชน แก้ปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำ
4 สมาคม ผู้ประกอบการมันสำปะหลังมีมติร่วมมือรับซื้อหัวมันสำปะหลังตามราคาแนะนำที่ กก. ละ 2.50 บาทหลังราคาในประเทศตกต่ำเหลือเฉลี่ย กก.ละ2.10 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหลังโดนผู้นำเข้าในจีนกดราคารับซื้อสวนทางกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังจากการประชุมหารือ3ฝ่ายระหว่างรัฐเอกชนและเกษตรกรหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรถึงสถานการณ์ราคารับซื้อมันสำปะหลังภายในประเทศได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่สอดคล้องกับกลไกตลาดที่มีความต้องการสูงขึ้นว่า ผลการประชุมในวันนี้เป็นที่น่าพอใจโดยภาคเอกชนได้ร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ได้รับผลตอบแทนจากการจำหน่ายผลผลิตในราคาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกและกรมจะมีมาตรการเข้มงวดการกำกับดูแลการนำเข้าส่งออกตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออกมันสำปะหลังอย่างเคร่งครัดมีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งตาที่ระเบียบกำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าประเทศผู้ซื้อจะไม่ใช้ประเด็นคุณภาพมาตรฐานเป็นข้ออ้างในการกดราคารับซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย
โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเช่นขึ้นทะเบียนผู้นำเข้ารายงานการนำเข้าต้องมีสถานที่เก็บสินค้าที่นำเข้าเฉพาะแยกจากสถานที่รับซื้อภายในประเทศต้องนำเข้าผ่านจังหวัดและด่านศุลกากรกับจุดที่กำหนด
“อยากฝากผู้ซื้อในต่างประเทศให้ซื้อมันสำปะหลังจากไทยในราคาที่เป็นธรรมและในขณะนี้ความต้องการใช้มันสำปะหลังในประเทศคาดว่าจะเริ่มสูงขึ้นจากความต้องการนำมันเส้นไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์หลังมีการระบาดโควิด-19เพิ่มขึ้น“นายกีรติกล่าว
ทั้งนี้หากพบเห็นการนำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดอาทิความชื้นสูงมีสิ่งปลอมปนสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน1385กรมการค้าต่างประเทศทั้งนี้เพื่อร่วมกันเป็นหูเป็นตาให้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
นายบุญชัย ศรีชัยยงพาณิช นายกสมาคมการค้ามันมันสำปะหลังไทย กล่าวว่า 4 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลัง เห็นชอบที่จะรับซื้อหัวมันสดจากการเกษตรในราคากก.ละ2.50บาทต่อกก.สำหรับเชื้อแป้ง25%เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถคุ้มทุนในการปลูกมันสำปะหลังหลังจากที่โดนผู้นำเข้าในต่างประเทศฉวยโอกาสกดราคารับซื้อในช่วงที่มีผลผลิตมันสำปะหลังออกมามากทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังสดราคาลดต่ำลงส่งผลทำให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นมากขึ้นประกอบกับเกษตรกรยังหาทางป้องกันโรคระบาดใบด่างยังไม่ได้(Cassava Mosaic Disease :CMD)ทำให้มีการเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นแทนทำให้ผลผลิตหัวมันสดปีการผลิต2562/2563มีจำนวน25ล้านตันและในปีการผลิต2563/2564เบื้องต้นคาดว่าจะมีผลผลิตจำนวน28.3ล้านตันแต่ล่าสุดประเมินว่าผลผลิตนาจะลดลงไปอีกประมาณ5-10%เนื่องจากภัยแล้งและการขาดแคลนท่อนพันธ์จากปัญหาโรคใบด่างโดยในขณะที่ความต้องการในประเทศประมาณ40ล้านตันซึ่งผลผลิตมันเส้นและหัวมันสดมีการนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเช่นลาวและกัมพูชา
ปัจจุบันมันสำปะหลังในตลาดโลกยังมีความต้องการสูงขึ้นทั้งมันเส้นและแป้งมันสำปะหลังซึ่งจีนเองก็มีความต้องการนำเข้ามันเส้นเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์เนื่องจากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบทดแทนราคาสูงขึ้นและสต็อกข้าวโพดที่ลดลงซึ่งคาดว่าในปีหน้าไทยจะส่งออกมันเส้นประมาณ5ล้านตันเพิ่มขึ้นจาก3ล้านตันในปีนี้โดยกว่า90%ส่งไปในตลาดจีนและคาดว่าโรงงานผลิตเอทธานอลจะมีความต้องการใช้มันเส้นเพิ่มขึ้นเพื่อไปวัตถุดิบในการผลิตแอลกอฮอล์จากสถานการณ์โควิด-19ที่กลับมาระบาดใหม่อีกรอบในขณะที่วัตถุดิบที่มาจากอ้อยมีผลผลิตป้อนโรงงานเอทธานอลได้น้อยลงส่วนแป้งมันสำปะหลังของไทยคาดว่าจะส่งออกได้ในปีนี้3.7ล้านตันลดลงจากปีก่อนที่ส่งออกได้4ล้านตันจากปัญหาค่าบาทแข็ง
โดยปีที่ผ่านมาไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรวม6.596ล้านตันลดลง20.37 %มูลค่า2,601.66ล้านดอลลาร์ลดลง16.36%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2561ที่ส่งออกปริมาณรวม8.282ล้านตันมูลค่า3,110.60ล้านดอลลาร์โดยมีข้อสังเกตว่าปริมาณส่งออกลดลงเนื่องจากผลผลิตมันสำปะหลังของไทยออกสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายรังสี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพ่อค้ามันสำปะหลังเพราะราคารับซื้อลดต่ำมาตลอดแม้ว่าปริมาณผลผลิตจะลดลงจากผลกระทบจากภัยแล้งและโรคระบาดใบด่างใน31จังหวัดที่ยังควบคุมไม่ได้ในขณะที่ความต้องการในต่างประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นซี่งต้นทุนการผลิตเกษตรกรอยู่ที่กก.ละ2.30บาทต่อกก.ในขณะที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยเพียง2.10บาทต่อกก.และหักค่าขนส่งอีก30สตางค์ทำให้ได้ราคาเพียง1.70 -1.80บาทต่อกก.โดยราคาที่เกษตรกรอยู่ได้จะอยู่ที่2.50บาทต่อกก “หากราคาที่เกษตรกรขายได้ต่ำกว่านี้เกษตรกรจะหยุดขุดมันสำปะหลังทั่วประเทศเพราะหัวมันสามารถเก็บไว้ในดินได้เป็นปีไม่ต้องขุดขึ้นมาและหากราคายังไม่ดีขึ้นปีหน้าเกษตรกรจะหยุดปลูกมันสำปะหลังและหันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน”นายรังษีกล่าว
ที่า : กรุงเทพธุรกิจ 22 ธันวาคม 2563