Company Logo
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ www.nettathai.org สนใจสมัครสมาชิก ติดต่อ โทรศัพท์ 0 4421 2370 - 1 โทรสาร 0 4421 2372 E-mail : nettathai@hotmail.com





อัตราแลกเปลี่ยน



พยากรณ์อากาศ

พาณิชย์มั่นใจ! แนวโน้มการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังไปจีนสดใส กำชับจนท. เดินหน้า “มหาสารคามโมเดล”

 

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดคณะเดินทางนำผู้แทนสมาคมการค้ามันสำปะหลัง เยือนมณฑลเจียงซูและมณฑลซานตง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 7 – 12 สิงหาคม 2560 เพื่อไปติดตามสถานการณ์ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในประเทศจีน พร้อมหารือผู้นำเข้ารายใหญ่ของจีน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวลือที่ส่งผลกระทบทางลบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดคณะเดินทางนำผู้แทนสมาคมการค้ามันสำปะหลัง เยือนมณฑลเจียงซูและมณฑลซานตง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 7 – 12 สิงหาคม 2560 เพื่อไปติดตามสถานการณ์ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในประเทศจีน พร้อมหารือผู้นำเข้ารายใหญ่ของจีน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวลือที่ส่งผลกระทบทางลบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย

          ผลจากการจัดคณะเดินทางฯ ทำให้ทราบสถานการณ์การค้าสินค้ามันสำปะหลังและธัญพืชทดแทนของจีน ว่าใน ปี 2559/60 รัฐบาลจีนมีเป้าหมายลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดรวมไม่น้อยกว่า 50 ล้านหมู่ (20.8 ล้านไร่) และส่งเสริมให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน เช่น ถั่วเหลือง ประกอบกับรัฐบาลจีนได้ยกเลิกนโยบายการรับซื้อข้าวโพดในเขตภาคอีสานและมองโกเลีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวโพดที่สำคัญของจีน และหันมาใช้มาตรการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ประกอบการแปรรูปข้าวโพดแทน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ส่งผลให้ในฤดูกาลถัดไป คาดว่าไทยจะส่งออกสินค้ามันเส้นไปจีนได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงกดดันจากปริมาณสต็อกข้าวโพดของจีนลดลง

          โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูที่ผลผลิตมันสำปะหลังจะออกสู่ตลาด มักจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย เช่น ข่าวลือเกี่ยวกับการปิดท่าเรือบางแห่งของจีน เนื่องจากปัญหามลภาวะที่เกิดจากการขนถ่ายมันสำปะหลัง ซึ่งทางกรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดคณะเดินทางฯ เพื่อร่วมกันหาข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว ไม่พบข้อมูลการปิดท่าเรือแต่อย่างใด นอกจากนี้ ท่าเรือหลักที่นำเข้ามันสำปะหลังจากไทย เช่น ท่าเรือเหลียนหยุนก่างและท่าเรือรื่อจ้าว ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องมือดูดละอองฝุ่นที่ฟุ้งกระจายระหว่างการขนถ่ายสินค้าขึ้นจากเรือ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหามลภาวะซึ่งปัจจุบันรัฐบาลจีนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

           ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาแอลกอฮอล์ของจีนได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2560 แอลกอฮอล์ (95%) ของมณฑลเจียงซู ประเทศจีน มีราคาอยู่ที่ 5,050 หยวน/ตัน ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 390 หยวน/ตัน เมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2560 ที่ราคา 4,660 หยวน/ตัน

        นางอภิรดีกล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังว่า ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารลงพื้นที่แหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังเพื่อติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาด และชี้แจงสร้างความเข้าใจมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรของรัฐบาลแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมการค้าภายใน ได้ดำเนินการ ตามนโยบายดังกล่าวแล้วในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดมหาสารคาม อุบลราชธานี กำแพงเพชร เป็นต้น

         โดยจากการลงพื้นที่ในจังหวัดมหาสารคาม พบว่าเกษตรกรมีการบริหารจัดการมันสำปะหลังและเชื่อมโยงผู้เลี้ยงปศุสัตว์ ในรูป “มหาสารคามโมเดล” ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงรับซื้อมันเส้นของกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมและโคเนื้อ กับ กลุ่มเกษตรกร ในการสร้างช่องทางการจำหน่าย การรวมกันซื้อรวมกันขาย และช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มมูลค่ามันสำปะหลัง ภายใต้แนวคิด “โคนมมหาสารคาม ต้องกินมันมหาสารคาม เพื่อคนมหาสารคามจะได้กินนมโคมหาสารคาม” ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีดำริให้นำโมเดลดังกล่าวไปเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นต่อไป

         นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2560 จังหวัดนครราชสีมาได้นำ “มหาสารคามโมเดล” ไปดำเนินการแล้ว โดยกรมการค้าภายใน ได้จัดให้มีการเชื่อมโยงมันเส้นและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างโรงงานเอทานอล สหกรณ์โคนม กับสถาบันเกษตรกร ปริมาณมันเส้นประมาณ 21,500 ตัน ซึ่งตนได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามฯ หลังจากนี้ จ.นครราชสีมาจะขยายผลการดำเนินการต่อไปในอนาคต

        นอกจากนี้ ยังได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจการค้า โดยในการประชุมดังกล่าว ได้ประชาสัมพันธ์แนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2560/61 จำนวน 14 โครงการ ที่ได้เตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในโอกาส ครม.สัญจร เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 ซึ่ง ครม. ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้ดำเนินการแล้ว

       พร้อมนี้ยังได้เสนอแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลังและการดูแลเกษตรกรเพิ่มเติม ในการ ส่งเสริมให้เกษตรกรลดต้นทุนการเพาะปลูก และเพิ่มผลผลิต โดยใช้พันธุ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพ ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร และเหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งปรับเปลี่ยนจากการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนได้แล้ว ยังเป็นการบำรุงดินให้มีสภาพที่ดีและเหมาะสมต่อการเพาะปลูก และ ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ ซึ่งเป็นทางเลือกในการปลูกมันสำปะหลังที่สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและตลาดมีความต้องการสูง พร้อมทั้งส่งเสริมการแปรรูปมันสำปะหลังเพื่อการบริโภค (มันกินได้) เพื่อสร้างช่องการจำหน่ายใหม่ๆให้แก่เกษตรกร นอกเหนือจากการผลิตเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมในรูปแบบเดิม ซึ่งสภาอุตสาหกรรมจังหวัดยินดีที่จะประสานผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีศักยภาพและสนใจนำไปผลิตในเชิงอุตสาหกรรมต่อไป

          สำหรับแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2560/61 มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2560 เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2560/61 รวม 14 โครงการ งบประมาณ 551.659 ล้านบาท


1) การสนับสนุนเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ดินดาน

2) การปรับลดพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ป่า

3) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด วงเงิน 102.35 ล้านบาท

4) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (33.375 ล้านบาท)

5) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและการแปรรูปมันสำปะหลัง (44.5 ล้านบาท)

6) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง

7) โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลัง (328.340 ล้านบาท)

8) โครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้กับสถาบันเกษตรกรเพื่อเพิ่มมูลค่า (4.2 ล้านบาท)

9) โครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังขนาดเล็กให้วิสาหกิจชุมชน (6.75 ล้านบาท)

10) โครงการสนับสนุนเครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกให้ด่านที่มีการนำเข้ามันสำปะหลัง (12.84 ล้านบาท)

11) โครงการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน (5.804 ล้านบาท)

12) โครงการแปรรูปมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์สู่อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (10 ล้านบาท)

13) โครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด (มันเส้นสะอาด) (1.5 ล้านบาท)

14) โครงการขยายโอกาสทางการค้าและพัฒนาศักยภาพผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (2 ล้านบาท)

ที่มา ประชาชติธุรกิจออนไลน์ (30 ส.ค. 2560)

 






Powered by Allweb Technology.